ppowersolar.com

มือใหม่ติดโซล่าเซลล์ อ่านด่วน! ความแตกต่างของแผงโซล่าเซลล์ Tier เลือกอย่างไรให้คุ้มค่ากับการลงทุน

มือใหม่ติดโซล่าเซลล์ อ่านด่วน! ความแตกต่างของแผงโซล่าเซลล์ Tier เลือกอย่างไรให้คุ้มค่ากับการลงทุน​

การติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อประหยัดค่าไฟและสร้างพลังงานสะอาดให้บ้านหรือธุรกิจของคุณ ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ราคาหรือขนาดของแผงเท่านั้น แต่ “คุณภาพ” ของแผงโซล่าเซลล์ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและอายุการใช้งานในระยะยาว หนึ่งในตัวชี้วัดคุณภาพที่นิยมใช้กันในวงการ คือ การจัดอันดับแผงโซล่าเซลล์ออกเป็น Tier 1, 2 และ 3 วันนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า Tier เหล่านี้คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร และมีผลต่อการเลือกซื้ออย่างไรบ้าง

ทำความเข้าใจแผงโซล่าเซลล์ Tier 1,2,3

ทำความเข้าใจกับแผงโซล่าเซลล์ Tier 1, 2 และ 3​

ระบบ Tier 1, Tier 2 และ Tier 3 ไม่ได้จัดอันดับตัวแผงโซล่าเซลล์โดยตรง แต่เป็นการจัดอันดับ บริษัทผู้ผลิต แผงโซล่าเซลล์ ตามมาตรฐานของ Bloomberg New Energy Finance (BNEF) ซึ่งใช้เกณฑ์ด้านความน่าเชื่อถือทางการเงิน ประวัติการผลิต การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และความสามารถในการควบคุมกระบวนการผลิต

1. แผงโซลาร์เซลล์ Tier 1

Tier 1 คือกลุ่มบริษัทผู้ผลิตแผงโซล่าเซลล์ที่ได้รับการจัดอันดับว่าน่าเชื่อถือที่สุดในตลาดโลก บริษัทเหล่านี้มีคุณสมบัติดังนี้:

  • ควบคุมกระบวนการผลิตทั้งหมดเอง ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ (ซิลิคอน) จนถึงการประกอบแผงโซล่าเซลล์
  • มีการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) อย่างต่อเนื่อง
  • ใช้กระบวนการผลิตที่มีระบบอัตโนมัติ (Robotic) ขั้นสูงตลอดกระบวนการ
  • มีประวัติการผลิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินระดับโลก

ตัวอย่างแบรนด์ Tier 1 ได้แก่ Jinko Solar, Trina Solar, LONGi Solar, Canadian Solar, JA Solar

ข้อดีของ Tier 1:
แผงโซล่าเซลล์จากผู้ผลิต Tier 1 มักมีประสิทธิภาพสูง ความทนทานดี อายุการใช้งานยาวนานถึง 25–30 ปี และให้การรับประกันที่น่าเชื่อถือ เหมาะสำหรับผู้ที่มองหาการลงทุนระยะยาวและต้องการความมั่นใจในคุณภาพ

2. แผงโซลาร์เซลล์ Tier 2

Tier 2 คือบริษัทผู้ผลิตที่มีคุณภาพรองลงมา โดยมีลักษณะดังนี้:

  • เป็นบริษัทขนาดกลางถึงขนาดเล็ก
  • อาจมีการลงทุนด้าน R&D น้อย หรือไม่มีเลย
  • ใช้กระบวนการผลิตที่มีระบบอัตโนมัติบางส่วนเท่านั้น
  • มีประวัติการผลิตแผงโซล่าเซลล์มาแล้วประมาณ 2–5 ปี
  • อาจพึ่งพาเทคโนโลยีจากบริษัทอื่นในการผลิตบางขั้นตอน

ข้อดีของ Tier 2:
แผงโซล่าเซลล์ Tier 2 มีราคาถูกกว่า Tier 1 พอสมควร แต่ยังให้ประสิทธิภาพการใช้งานที่เหมาะสม เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด แต่อยากได้แผงที่ยังมีมาตรฐานระดับกลางถึงดี

3. แผงโซลาร์เซลล์ Tier 3

Tier 3 คือกลุ่มบริษัทผู้ผลิตขนาดเล็กมาก หรือบริษัทใหม่ที่ยังไม่มีฐานการผลิตเป็นของตัวเอง โดยมีลักษณะดังนี้:

  • ไม่ได้ควบคุมกระบวนการผลิตตั้งแต่วัตถุดิบถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
  • ไม่มีการลงทุนด้าน R&D
  • กระบวนการผลิตส่วนใหญ่ใช้แรงงานคน
  • ก่อตั้งและผลิตแผงมาแล้วไม่นาน (เพียง 1–2 ปี)
  • มักรับสินค้าจากโรงงานอื่นมารีแบรนด์ (OEM)

ข้อควรพิจารณาของ Tier 3:
แม้ว่าราคาจะถูกที่สุด แต่แผงจาก Tier 3 มีความเสี่ยงสูงเรื่องประสิทธิภาพ ความคงทน และการรับประกันในระยะยาว จึงไม่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาวหรืองานที่ต้องการความน่าเชื่อถือ

แผงโซล่าเซลล์ Tier 1ดีจริงไหม

แผงโซล่าเซลล์ Tier 1 ดีจริงไหม?

หลายคนเชื่อว่าแผงโซล่าเซลล์ Tier 1 คือของที่ดีที่สุดในตลาด แต่จริงๆ แล้ว คำว่า Tier 1 เป็นการจัดอันดับบริษัท ไม่ได้การันตีว่า “แผงโซล่าเซลล์ทุกแผง” ของบริษัทนั้นจะดีที่สุดทุกตัว เพราะแต่ละบริษัท Tier 1 ก็มีการผลิตแผงในหลายรุ่น หลายเกรด เช่น รุ่นราคาประหยัด และรุ่นเกรดพรีเมียม

ดังนั้น นอกจากดู Tier แล้ว ควรตรวจสอบสเปกแผง เช่น ประสิทธิภาพ (%Efficiency), ค่าความเสื่อมประสิทธิภาพ (Degradation Rate), การรับประกันผลิตภัณฑ์ และมาตรฐานต่างๆ อย่าง IEC, TUV ด้วย

แผง มอก. คืออะไร และจำเป็นไหม?

นอกจากการพิจารณาเรื่อง Tier แล้ว หากติดตั้งโซล่าเซลล์ในประเทศไทย ควรเลือกแผงที่ได้รับ “มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม” หรือ “มอก.” (TIS) ด้วย

  • มอก. คือการรับรองว่าแผงโซล่าเซลล์ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยและความทนทานตามที่กำหนดในประเทศไทย

     

ช่วยให้มั่นใจได้ว่าแผงที่ติดตั้งเหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองไทย เช่น ความร้อนสูง ฝนตกหนัก หรือแสงแดดแรงตลอดปี

สรุป

หากต้องการติดตั้งโซล่าเซลล์เพื่อใช้งานระยะยาวอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ การเลือกแผงจากแบรนด์ Tier 1 พร้อมมีมาตรฐาน มอก. จะดีที่สุด แม้ราคาอาจสูงกว่าระบบที่ใช้แผงโซล่าเซลล์ Tier 2 หรือ Tier 3 แต่ในระยะยาวจะประหยัดค่าไฟได้มากกว่า และไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนแผงก่อนกำหนด

สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด อาจเลือกแผงโซล่าเซลล์ Tier 2 ที่มีการรับประกันชัดเจน และผ่านมาตรฐานสากลเช่นกัน

ขณะที่แผง Tier 3 แม้ราคาถูก แต่หากเป็นการลงทุนระยะยาว เช่น สำหรับบ้านพักอาศัย หรือโรงงาน ควรหลีกเลี่ยง เพราะความเสี่ยงด้านคุณภาพและความเสถียรจะสูงกว่ามาก